9 อย่างที่ควรมีก่อนเริ่มขายของออนไลน์ ขายยังไงให้มีคนซื้อ
ทุกวันนี้มีผู้คนมากมายสนใจอยากเริ่มทำธุรกิจออนไลน์หรือ ขายของออนไลน์ เพราะดูเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย แถมไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักแต่แท้จริงแล้วการเปิดร้านขายของออนไลน์หรือทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวที่ดี เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะขาดทุน จนต้องล้มเลิกไปก็ได้
วันนี้ พิมเพลินเลยอยากขอนำ 9 อย่างที่ควรมี ก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์ ให้ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อมาบอกกับคุณผู้อ่านที่กำลังอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพื่อให้ได้เตรียมตัวก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์กัน และอีก 5 กลยุทธ์เพิ่มยอดขายให้กับพ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์มือฉมัง ที่ช่วยให้ขายดียิ่งขึ้น ยอดปังกว่าเดิมในบทความนี้ค่ะ
อยากขายของออนไลน์ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
1. ชื่อร้าน
ขายของออนไลน์ ชื่อร้านต้อง อ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู ค้นหาเจอ
หลายคนคิดว่าการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง จะตั้งชื่อร้านอะไรก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งถ้าแปลกไม่ซ้ำใครยิ่งดี (บางทีถึงกับเปิดดิกชันนารีหากันด้วยซ้ำ) แต่หารู้ไม่ การตั้งชื่อร้านต้องมีเทคนิคนั่นก็คือ ต้องอ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู และต้องค้นหาเจอง่าย
อ่านง่าย ชื่อที่ออกเสียงยาก ไม่คุ้นหูคนไทย มีผลทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน หรือบางทีก็ไม่กล้าแนะนำร้านคุณกับคนรู้จัก เพราะกลัวออกเสียงผิด! เท่ากับคุณเสียโอกาสได้ลูกค้าใหม่ไปอีกคน
จดจำง่าย คุ้นหู ชื่อร้านที่ดีควรทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย เห็นปุ๊บจำปั๊บยิ่งดี ข้อนี้ก็แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละคนเลยค่ะว่าจะใช้ไม้ไหน ไม่ว่า ตั้งชื่อร้านให้สัมพันธ์กับสินค้าที่ขาย เช่น ถ้าคุณขายนาฬิกาและตั้งชื่อให้มีคำว่า Time หรือ Watch ลูกค้าก็จะสามารถจดจำและหาร้านของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือใช้เทคนิคใช้ศัพท์ที่เรียกความสนใจ เช่น ‘คนอะไรเป็นแฟนหมี’ (นั่นดิ..คนอาร๊ายเป็นแฟนหมี อยากรู้ไหมล่ะ)
ค้นหาเจอง่าย สมัยนี้ไม่มีใครจะหาอะไรก็ต้องถามอากู๋ Google หรือ Facebook กันทั้งนั้นแหละค่ะ ยิ่งถ้าเราคิดชื่อได้ตรงกับคำศัพท์ที่ลูกค้าใช้ค้นหา (Search) ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ลูกค้าหาร้านเราเจอง่ายขึ้น
2. สินค้า
เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่ใช่
เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่คุณชอบ เพราะเวลาขายคุณจะสามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างชัดเจน นี่ยังไม่นับไปถึงความสุขที่คุณจะได้ทำสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ จนรู้สึกมีความสุขจนเหมือนไม่ได้ทำงานเลยนะ
เลือกจากสิ่งที่ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากมีร้านค้าเป็นของตัวเอง คุณอาจจะเริ่มโดยการสำรวจตลาดว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่คนส่วนมากหันมาใช้สมาร์ทโฟน การขายแบตสำรองหรือเคสโทรศัพท์มือถือก็เป็นความคิดที่ไม่เลว หรือถ้าไม่รู้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี สามารถเข้าไปหาไอเดียได้ที่ สินค้าน่าขาย ของคนอยากขายของออนไลน์แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี
3. เงินทุน
ต้นทุนการขายของออนไลน์ ไม่ได้มีแค่ค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว
เงินที่คุณจะนำมาลงทุนในการเริ่มร้านออนไลน์ไม่ควรจะครอบคลุมแค่ค่าสินค้าที่คุณจะสั่งมาขาย แต่ควรรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณอาจต้องเสีย เช่น ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กสินค้า ค่าโฆษณา ฯลฯ ดังนั้น คุณควรวางแผนให้ดี ว่าเงินทุนของคุณนี้จะสามารถทำให้คุณดำเนินการได้แบบไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นทีหลัง ยิ่งถ้าคุณคิดจะลาออกจากงานประจำมาขายของออนไลน์ด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ
4. จุดยืนของร้าน
วางแผนร้านให้ชัดเจน
เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง
5. ช่องทางขายสินค้า
ขายที่ไหนบ้าง? Facebook, Instagram, LINE OA หรือ Twitter
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ เราต้องรู้ด้วยค่ะว่าช่องทางการขายสินค้าที่เราจะเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าของเราบนไหน ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีต่อผลต่อความสำเร็จของร้าน เพราะแต่ละช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน
ขายบนเพจ Facebook เป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด คนขายนิยมสูงสุด และก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะสมัยนี้ใครๆก็เล่น Facebook กันทั้งนั้น ทำให้สินค้าเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมาก ยิ่งปัจจุบัน Facebook เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบที่ใช้ลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เปิดเพจขายของบน Facebook ยิ่งฮอตฮิตเข้าไปใหญ่ ทำให้คนหายกลายเป็นเศรษฐีมาแล้วมากมาย
คุณอาจสนใจบทความนี้ : 11 วิธีโปรโมทเพจ Facebook ยังไงให้ลูกค้ารู้จัก เห็นแล้วต้องกดติดตาม!
ขายบน Instagram เป็นอีกช่องทางที่เริ่มนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยจะเน้นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มากเหมือน Facebook ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ คุณต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าในระดับนึงเลยแหละถึงจะปัง แต่ถ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นก็ฝึกฝนกันได้นะคะ
ขายผ่าน LINE และ LINE OA ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและควรมี แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram แล้วนะคะ เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนเป็นๆ มากกว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเก่า เช่น การอัปเดตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โปรโมชั่นล่าสุด ฯลฯ
ขายผ่าน Twitter ช่องทางนี้ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสินค้าพรีออเดอร์ ขายของออนไลน์บนTwitter จะไม่เหมือนกับเพจ Facebook ค่ะ เพราะลูกค้าที่อยู่ในแพล็ตฟอร์มนี้ชอบคอนเทนต์ควรสั้นเข้าใจง่าย อาจจะเกริ่นได้นิดหน่อยแต่ไม่ควรยาวเกินไป หรือ คอนเทนต์ประเภทแนะนำสินค้าที่ใช้ดีจนต้องบอกต่อ และถ้าเราขายสินค้าเกี่ยวกับอะไรอยู่ อยากได้กลุ่มเป้าหมายแบบไหน อย่าลืมใช้ # ประกอบด้วยนะคะ เช่น ถ้าเรารับพรีอัลบั้มศิลปินเกาหลี ก็อาจจะใช้แฮชแท็ค #ตลาดนัดบังทัน #ตลาดนัดNCT #พรีบั้ม ฯลฯ
6. แผนการตลาด
จุดขายดึงดูด ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย
แผนการตลาด เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดชะตาของร้านคุณ เพราะถึงคุณจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูก แต่ถ้าไม่มีใครรู้จักร้านของคุณก็ไม่มีประโยชน์ คุณจึงควรวางแผนให้ดีว่าจะโปรโมตร้านค้าหรือสินค้าของคุณอย่างไร จะดึงดูดลูกค้าอย่างไร และจะทำให้อย่างไรให้ร้านคุณที่เพิ่งเปิดใหม่เอาชนะร้านอื่นๆ ที่เปิดมาก่อนหน้าคุณได้ การวางแผนการตลาดอาจเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้
วาดภาพเป้าหมายให้ชัดเจน
มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อเปิดเพจแล้วจะทำให้คนรู้จักอย่างไร
วางงบประมาณที่จะใช้เพื่อทำให้ขั้นตอนต่างๆ สำเร็จ
วางกำหนดเวลาเพื่อประเมิน ตรวจสอบ และปรับปรุงแผน
7. ช่องทางการชำระเงิน
ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งเริ่ด
การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย
8. ความอดทนและมุ่งมั่น
คิดไว้เราต้องทำได้
หลายคนเริ่มธุรกิจด้วยความรู้สึกอยากรวยเร็ว เราหวังให้การลงทุนของเราผลิดอกออกผลเป็นกำไรตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มเปิดร้าน แต่นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความเพ้อฝัน เพราะเมื่อคุณเริ่มเปิดร้าน เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่มีลูกค้าเลยในอาทิตย์แรกๆ (ไม่นับเพื่อน ญาติ และคนรู้จัก) อาจมีลูกค้าหลายคนมาให้ความสนใจสินค้าของคุณแต่ก็จากไป คุณจะเริ่มสงสัยว่าคุณทำอะไรผิด บางครั้งอาจถึงขั้นอยากลดราคาแล้วขายทุกอย่างเพื่อให้คืนทุน อย่าทำแบบนั้น คุณต้องมั่นใจและหมั่นตรวจสอบแผนการตลาดของคุณว่าได้ผลตามคาดหรือไม่ และหัดปรับเปลี่ยน ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียกลูกค้า และอย่าท้อแท้
9. เวลา
ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป คุณอาจใช้ตัวช่วยอย่างระบบตอบกลับอัตโนมัติของ Page365 ตอบบทสนทนาจากลูกค้าในเวลาที่คุณไม่ว่าง เพื่อเป็นการซื้อเวลาไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกทอดทิ้งก็ได้
ขายของออนไลน์อยู่แล้ว อยากขายดี ยอดพุ่งกระฉูด แบบแม่ค้ามือฉมัง ทำไงดี?
สำหรับพ่อค้า - แม่ค้าที่เปิดร้านค้าออนไลน์มาได้สักพักแล้ว อยากให้ขายได้กว่านี้ ขายดีแซงคู่แข่งขึ้นไปอีก! พิมเพลินก็มี Tip & Trick วิธีขายของออนไลน์ยังไงให้ชายดีขึ้นไปอีกไว้ช่วยกระตุ้นยอดขายให้ปังกว่าเดิมมาฝากเช่นกันค่ะ
1. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอสินค้า
การโพสต์ขายแบบเดิม ๆ แพทเทิร์นซ้ำ ๆ จะทำให้ลูกค้าเบื่อได้ค่ะ เราจึงต้องคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบในการโปรโมทสินค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดยอดขาย เช่น โพสต์ในรูปแบบของวิดีโอ วิดีโอสอนใช้งาน รีวิวจากผู้ใช้จริง หรือใช้คำโปรยข้อความที่ทำให้เกิดความน่าสนใจ ฯลฯ พยายามสลับสับเปลี่ยนรูปแบบการโพสต์ขายสินค้าไปเรื่อย ๆ และให้มีการเคลื่อนไหวบนแพล็ตฟอร์มที่เราขายของออนไลน์อยู่สม่ำเสมอค่ะ
2. หยิบคำรีวิวจากลูกค้า มาทำเป็นคอนเทนต์
Feedback จากลูกค้าใครว่าไม่สำคัญ เพราะ Feedback ดี ๆ หรือคำรีวิวสินค้าและการบริการที่ได้จากลูกค้า นำมาโพสต์เป็นคอนเทนต์ลงบนเพจแล้วแท็กขอบคุณ ถ้าลูกค้าของเรามีการแชร์ออกไปในพื้นที่โซเชียลของลูกค้าเอง ตรงนี้จะยิ่งช่วยให้มีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ มารู้จักและมีการซื้อ - ขายเกิดขึ้นค่ะ อ้อ! รวมถึงเก็บ Feedback ความต้องการ - คำแนะนำของลูกค้าเอาไว้ เพราะความคิดเห็นของลูกค้าเนี่ยแหละค่ะ สามารถเอามาเป็นแนวทางในการพัฒนาการขาย จนไปถึงสินค้าใหม่ ๆ ที่เราจะนำมาจำหน่ายในอนาคตได้ด้วยนะคะ
3. Fear of Missing Out สร้างความรับรู้กับลูกค้าว่าต้องรีบซื้อ
การจะอัดโปรโมชั่นอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะลูกค้าเองก็มีการเปรียบเทียบโปรโมชั่นกับร้านอื่น ๆ เหมือนกัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนมาเล่นกับความรู้สึกกับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบซื้อ รีบ CF รีบโอนเงิน เพราะ “มีเวลาจำกัด” หากว่าไม่ซื้อตอนนี้ ก็อาจจะไม่ได้ราคานี้อีกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น จัดโปรโมชั่นลดสินค้า 80% ภายใน 1 ชั่วโมงนี้เท่านั้น, ลดกระหน่ำวันเลขสวย 11.11 12.12 ฯลฯ แถมวิธีนี้จะเป็นการส่งเสริมการขายที่เล่นกับความรู้สึกของผู้ซื้อได้อย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ
4. Smart Buyer คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
วิธีปิดการขายในระยะเวลาอันสั้น คือทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่า “ซื้อแล้วรู้สึกคุ้มกว่าคนอื่น” ซื้อกับร้านเราคุ้มกว่าเห็น ๆ ดูเป็นคนฉลาดเลือกฉลาดซื้อขึ้นมาทันที เช่น จัดทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า รับส่วนลด 30% เมื่อซื้อสินค้าภายในร้าน หรือ คำโฆษณาที่สื่อ ยิ่งซื้อเยอะยิ่งลดเยอะ ก็สามารถปิดการขาย แถมยังเป็นการ Upsell อีกหนึ่งวิธีด้วยล่ะค่ะ
คุณอาจสนใจบทความนี้เพิ่มเติม : เคล็ด (ไม่) ลับการตั้งราคาสินค้า ให้ลูกค้ารู้สึกจ่ายถูกและคุ้ม!
5. รับประกันสินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจ
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกค้ายังมีความลังเลในเรื่องซื้อของออนไลน์ ว่าสั่งมาแล้วสินค้าจะไม่ตรงปก กลัวว่าสินค้าจะไม่ได้คุณภาพ เพราะไม่ได้สัมผัสสินค้าด้วยตัวเอง “การรับประกันสินค้า” เป็นวิธีการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าถ้าหากไม่ดีจริงสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ หรือ คืนเงินให้ทันทีใน 30 วัน ลูกค้าจะเห็นถึงความจริงใจของร้านค้ามากขึ้น ว่าสินค้าของเราดีจริง ตรงปกไม่จกตา แถมวิธีนี้ยังเป็นวิธีช่วย “แก้ปัญหาโดนตัดราคา” จากคู่แข่งได้อีกด้วยนะคะ เพราะคู่แข่งที่กล้าตัดราคา ส่วนใหญ่จะไม่เหลือกำไรเพียงพอที่จะมารับประกันสินค้าในส่วนนี้ค่ะ
ทั้งหมดนี้ เป็นคำแนะนำที่เราหวังว่าคุณพ่อ - ค้าแม่ค้าออนไลน์ไปปรับใช้กับร้านค้าออนไลน์ของตัวเองกันนะคะ ถ้าอ่านจนจบแล้วยังรู้สึกไม่มั่นใจ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้งาน Page365 ที่จะช่วยให้ร้านมีระบบการจัดการที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เรารู้ว่าการจะเริ่มต้นทำอะไรบางครั้งก็เป็นเรื่องน่ากลัว แต่ขอให้คุณผู้อ่านมีความกล้าสักนิด ถ้าไม่ลองก็คงไม่มีวันได้รู้นะคะ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นเศรษฐีร้อยล้านคนต่อไปก็ได้ค่ะ ^^
หากคุณสนใจใช้งาน Page365 คุณสามารถ สมัครใช้งานฟรี
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เริ่มต้นกับ Page365 หรือ ทำไมเราถึงฟรี?